"Food Traceability" กินอะไรก็ได้...ไม่ได้!
อาหารเรามาจากไหน สำคัญมากนะ
จะรู้ได้ยังไงว่า ปลา≠แรงงานทาส / ไก่≠ไฟป่า / ผัก≠ปะการังตาย ?
-------------------------------------
ยุคนี้เรามี Option ด้านของกินเยอะมาก เปิดAPPอะไรก็มีมาให้เลือกเต็มไปหมด แต่นอกจากอร่อยและถูกแล้ว เราก็ไม่ค่อยจะตัดสินใจด้วยตัวแปรอื่นๆมากนัก แต่จริงๆที่มาของอาหาร [Food Traceability] ควรเป็นอีกข้อมูลหนึ่งที่ผู้บริโภคควรจะเข้าถึงได้อย่างเสรี รวมถึงผู้ผลิตก็ควรจะมีหน้าที่รับผิดชอบให้ข้อมูลเหล่านี้
ทุกคนควรมีโอกาสตัดสินใจโดยคำนึงถึงทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอาหารที่เรากิน ทั้งเรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม กระบวนการผลิตที่ปลอดภัย ไปจนถึงเรื่องสิทธิและสวัสดิการของแรงงานที่อยู่ในกระบวนการผลิต ซึ่งในยุคที่ข้อมูลทุกอย่างเข้าถึงได้ง่ายขนาดนี้ เรื่องนี้ไม่น่าเป็นเรื่องเกินเอื้อม
และแน่นอนว่าถ้าเราในฐานะผู้บริโภคแคร์เรื่องนี้ พลังของพวกเราก็สามารถถูกส่งต่อผ่าน Supply Chain จากร้านอาหาร ไปสู่ผู้ขายส่ง ไปสู่ผู้ผลิตได้
-------------------------------------
ทำไมเรื่องนี้ถึงสำคัญต่อสิ่งแวดล้อม ?
แน่นอนว่าเรื่องFood Traceability นี้ ชัดเจนสุดเลยก็คือเรื่องความปลอดภัยของผู้บริโภค แต่ถ้ามองในแง่สิ่งแวดล้อม ก็สำคัญไม่แพ้กันนะ
จริงๆแล้ว การผลิตอาหาร อาจจะเรียกได้ว่าเป็นอุตสาหกรรมที่มีต้นทุนกับโลกเราเยอะที่สุดก็ว่าได้ [ https://ourworldindata.org/emissions-by-sector ] คือเป็นอันดับสองเรื่องการปล่อยคาร์บอน (อันดับหนึ่งคือการผลิตพลังงาน และยานพาหนะ) อันดับหนึ่งเรื่อง Land Use หรือการเปลี่ยนพื้นที่ป่าให้เป็นพื้นที่เพาะปลูก อันดับหนึ่งเรื่องการปล่อยสารเคมีลงท้องทะเล โดยเฉพาะพวกปุ๋ย
การที่ทั้งป่าหายและทะเลตาย ก็ส่งผลต่อไปอีกทำให้เกิดความสูญเสียทางชีวภาพ (Biodiversity Loss) นำไปสู่การเสื่อมถอยของระบบนิเวศโลก แล้วสุดท้ายก็วนกลับมากระทบความสามารถในการผลิตอาหารของมนุษย์ในที่สุด
เราจะรู้ได้ยังไงว่าปลาที่เรากิน ไม่ได้มาจากเรือประมงผิดกฏหมายที่จับปลาเกินกำหนดหรือว่ามีการใช้แรงงานทาส? เราจะรู้ได้ยังไงว่าไก่ที่เรากิน ไม่ได้กินข้าวโพดจากไร่ที่เผาซากพืชอย่างไม่มีการจัดการจนทำให้เกิดวิกฤติไฟป่า? เราจะรู้ได้ยังไง ว่าผักที่เรากิน ไม่ได้มาจากไร่ที่ปล่อยสารเคมีลงน้ำลงดินอย่างไม่มีการจัดการใดๆ จนสร้างความเสียหายให้แนวปะการังในทะเล?
การผลิตอาหาร เป็นโจทย์สำคัญมากๆในการนำประเทศ (หรือทั้งโลก) สู่การมุ่งสู่พัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งเราต้องการทั้งนวัตกรรมใหม่ๆในการผลิต ต้องการกฎหมายที่เข้มงวด และเครือข่ายข้อมูลที่เปิดเผยทุกอย่างและเข้าถึงได้ง่ายมากกว่านี้
-------------------------------------
การเข้าถึงข้อมูลได้ จะนำไปสู่การสร้างทางเลือกที่ดีขึ้น
ลองคิดภาพจินตนาการอนาคต ที่เราสามารถอยู่ในตึกกำแพงทุกด้านมีผักขึ้นสามารถซื้อกินได้ตรงนั้นเลย และสารเคมีทุกอย่างผ่านระบบบำบัดของตึกก่อนถูกปล่อยลงน้ำ หรือเนื้อที่มาจากการเพาะยีนของสัตว์ เนื้อที่ได้มาโดยไม่ต้องทำลายป่า ปลูกพืชไร่ หรือทรมานสัตว์เลย
ในแง่หนึ่ง เทคโนโลยีเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ ผู้บริโภคอย่างเราก็ต้องมีส่วนร่วมด้วย เราสามารถโหวตผ่านกระเป๋าตังค์เราได้ เลือกซื้ออาหารโดยพิจารณาทุกที่มาของวัตถุดิบก่อนซื้อ นี่จะทำให้ผู้ผลิตต้องปรับตัวตามไปด้วย
การที่เราแค่แสกน QR code ของอาหารทุกชนิด แล้วสามารถรู้ได้หมดเลยว่าผลิตจากทรัพยากรจากที่ไหนบ้าง ใช้วิธีการอะไรผลิตบ้าง สร้างผลกระทบอะไรต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมบ้าง จะนำไปสู่ความต้องการอาหารที่ผลิตอย่างยั่งยืนกว่าที่ทำอยู่นี้ และในที่สุด ตลาดก็จะตอบสนองกับความต้องการใหม่ๆของผู้บริโภค
-------------------------------------
ตัวอย่าง Food Traceability ในต่างประเทศ
ตั้งแต่ปี 2005 ใน EU เป็นกฏหมายเลยว่าผู้บริโภคต้องได้รู้ว่าอาหารมาจากไหน ทุกขั้นตอนของ supply chain ถูกบันทึกไว้หมด
Food traceability = ability to trace and follow food, feed, and ingredients through all stages of production, processing and distribution.
= ความสามารถในการตามอาหาร อาหารสัตว์ และส่วนประกอบของอาหาร ในทุกกระบวนการผลิต การะบวนการทำ และกระบวนการกระจายขนส่งอาหาร
[ https://ec.europa.eu/food/horizontal-topics/general-food-law/food-law-general-requirements_en ]
ซึ่งกฏนี้รวมไปถึงอาหารนำเข้า และกำหนดให้ธุรกิจต้องรู้ one step back-one step forward ว่าอาหารก่อนมาถึงเรามาจากไหน และจากของเราไปไหนต่อเสมอ และกรณีพบว่าอาหารไม่ปลอดภัย ผู้ผลิตต้องเรียกกลับโรงงานได้
-------------------------------------
แล้วเรื่องนี้จะเกิดขึ้นได้ยังไง
1. ผู้บริโภคเรียกร้องต้องการข้อมูลเหล่านี้ + เครือข่ายตัวแทนผู้บริโภคที่แข็งแรง
2. มีผู้นำธุรกิจเบอร์ใหญ่ๆ อาสาเป็นคนนำก่อน เปิดเผยทุกอย่างที่เกี่ยวข้อง+ทำให้วิธีเข้าถึงข้อมูลเป็นเรื่องง่าย เป็นแรงจูงใจให้คนอื่นๆทำตาม
3. มีกฎหมายบังคับให้เปิดเผย มีองค์กรตรวจสอบที่ได้มาตรฐานในทุกขั้นตอนของการผลิต และมี platform ข้อมูลที่เข้าถึงได้ง่าย เข้าใจง่าย เพื่อประกอบการตัดสินใจของผู้บริโภค ซึ่งประเทศที่เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดของกระบวนการนี้ คือประเทศแถบยุโรป เช่น ออสเตรีย เบลเยี่ยม อิตาลี สวีเดน ฯลฯ ที่มีกฎหมายบังคับใช้เรื่องนี้อย่างชัดเจน
-------------------------------------
#กินอะไรก็ได้ไม่ได้
#ตรวจสอบย้อนกลับ
#รู้ความจริงในสิ่งที่กิน